ความรู้งานก่อสร้าง “ปัญหาน้ำรั่วซึมขอบหน้าต่าง”

สาระน่ารู้ : ปัญหาน้ำรั่วซึมขอบหน้าต่าง

 

ปัญหาน้ำรั่วซึมขอบหน้าต่าง เกิดจากอะไรบ้าง ?

  1. วัสดุที่ใช้ในการติดตั้งและอุดรอยต่อเกิดการเสื่อมสภาพ
  2. ผนังตรงบริเวณมุมขอบหน้าต่างร้าวแนวเฉียงจนทำให้น้ำรั่วซึม
  3. ช่องระบายน้ำของขอบอลูมิเนียมหน้าต่างเกิดอุดตัน
  4. การติดตั้งหน้าต่างอลูมิเนียมที่ไม่พอดี ไม่เข้าฉาก หรือไม่ได้มุม 45 องศา
  5. ผนังขอบหน้าต่างแตกร้าว

 

แก้ปัญหาโดยอุดรอยซ่อมน้ำรั่วซึมด้วยซิลิโคน หรือ ยาแนว

 

ซิลิโคนยาแนว (Silicone Sealant) มีความยืดหยุ่นสูง แห้งตัวได้ที่อุณหภูมิห้อง สามารถยึดเกาะกับพื้นผิวและวัสดุหลายประเภท  เหมาะกับงานอุดรอยรั่ว รอยร้าว ช่วยป้องกันการรั่วซึมซึม แต่ไม่เหมาะกับงานแนวกระจกอาคารสูง

ก่อนการอุดรอยรั่วซึม จะต้องทำการหาสาเหตุว่าจุดที่รั่วซึมมาจากผนังภายในหรือภายนอกตัวบ้าน เพื่อที่จะได้ทำการอุดรอยรั่วได้ตรงจุด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วก็มักจะอุดรอยรั่วซึมจากบริเวณผนังนอกตัวบ้าน การอุดรอยน้ำรั่วซึมจากน้ำฝน สามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยวิธีดังต่อไปนี้

 

ขั้นตอนทำความสะอาดพื้นผิวโดยรอบให้สะอาด

  • ใช้เกรียงหรือมีดคัตเตอร์ ขูดเอาซิลิโคนเดิมที่เสื่อมสภาพออก
  • ใช้เทปกาวแปะ เพื่อเป็นแนวกั้นไม่ให้ซิลิโคนที่จะยิงเลอะส่วนอื่นๆ
  • ตัดปลายหัวฉีดให้มีขนาดเหมาะสมกับรอยต่อ
  • ใส่หลอดในปืนยิงซิลิโคน ถือปืนยิงทำมุมประมาณ 45 องศากับร่อง
  • สามารถใช้เกรียงในการช่วยปาด หรือใช้นิ้วมือกดซิลิโคนให้แน่นขึ้นได้ แต่ควรใส่ถุงมือป้องกัน
  • ลอกเทปกาวออก และปล่อยให้ซิลิโคนแห้งสนิท ใช้เวลา 24-48 ชั่วโมง เพียงเท่านี้ก็สามารถแก้ปัญหาน้ำรั่วซึมแบบง่ายๆได้ด้วยตัวเอง
Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “กันซึมดาดฟ้า”

สาระน่ารู้ :

สิ่งที่เราอาจคาดไม่ถึง เกี่ยวกับสาเหตุของดาดฟ้ารั่วซึม

1. ดาดฟ้ารั่วซึมเพราะมีรอยแตกร้าว

รอยแตกร้าวบนพื้นผิวดาดฟ้า สาเหตุเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ทั้งจากแสงแดด ความเย็น ฝน ปัจจัยทั้งหมดนี้ทำให้พื้นผิวคอนกรีตดาดฟ้าเกิดการยืดและหดตัวจนเกิดเป็นรอยแตกร้าว

2. ขอบมุมพื้นและผนังดาดฟ้าเกิดรอยแตกร้าว แต่ไม่ได้รับการแก้ไข

รอยต่อตามขอบมุมบนดาดฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รอยต่อระหว่างพื้นกับกำแพง ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเสี่ยงที่ทำให้ดาดฟ้าเกิดการรั่วซึม หากปล่อยไว้นาน ไม่จัดการกับรอยต่ออย่างเหมาะสม หรือไม่มีการติดตตั้งระบบ กันซึมดาดฟ้า รอยแตกร้าวต่างๆ จะยิ่งขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากไม่ได้รับการปกป้อง เมื่อฝนตก น้ำและความชื้นจะสะสมอยู่ตามขอบมุมรอยแตกร้าว

3. ดาดฟ้ารั่วซึมเนื่องจากมีการติดตั้งวัสดุอื่นบนดาดฟ้า ส่งผลให้เกิดรอยแตกร้าว

การติดตั้งสิ่งของต่างๆ เช่น แทงก์น้ำ หรือการต่อเติมดาดฟ้า ถือเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ดาดฟ้าเกิดการแตกร้าวรั่วซึม การทำระบบ กันซึมดาดฟ้า ที่มีความยืดหยุ่นสูง จะช่วยลดความเสี่ยงที่พื้นผิวจะฉีกขาดจนเกิดเป็นรอยให้น้ำเข้าได้

4. ดาดฟ้ารั่วซึม เพราะช่องระบายน้ำอุดตัน

สาเหตุนี้เกิดขึ้นได้ง่ายที่สุด และแก้ไขได้ง่ายที่สุด แต่เราก็มักจะปล่อยปละละเลยมากที่สุดอีกเช่นกัน ดังนั้น หมั่นขึ้นไปตรวจสอบดาดฟ้าอย่าให้มีเศษใบไม้กิ่งไม้ทับถมช่องระบายน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดน้ำท่วมขังบนดาดฟ้า เท่านี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องดาดฟ้ารั่วซึมได้เป็นอย่างดี

 

กันซึมดาดฟ้า หลังคา เลือกแบบไหนดี?

ทีโอเอมีกลุ่มเคมีภัณฑ์กันซึมที่สามารถแก้ไขและป้องกันเรื่องดาดฟ้าหลังคารั่วซึม มากถึง 3 รุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ทีโอเอ พียู วอเตอร์พรูฟ (TOA PU Waterproof)  ทีโอเอ 201 รูฟซีล (TOA 201 Roofseal)  ทีโอเอ รูฟซีล ซันบล็อก (TOA Roofseal Sunblock)  ซึ่งทั้งหมดเป็น กันซึมดาดฟ้า หลังคา ชนิดไร้รอยต่อ สามารถป้องกันน้ำผ่านได้ 100% และยังมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยลดโอกาสการเกิดรอยแตกร้าวที่อาจมีเพิ่มมากขึ้น

การเลือก กันซึมดาดฟ้า หลังคา นั้นง่ายมาก เพียงแค่ตอบคำถามในใจคุณเองให้ได้ว่า 

1.ต้องการความทนทานนานแค่ไหน

2.ลักษณะการใช้งานของชั้นใต้ดาดฟ้าหลังคานั้นเป็นอย่างไร

เท่านี้ก็จะเลือก กันซึมดาดฟ้า หลังคา ที่จะนำมาใช้งานได้แล้ว กันซึมดาดฟ้า หลังคา ทีโอเอ พียู วอเตอร์พรูฟโพลียูรีเทน ทากันน้ำรั่วซึมบนดาดฟ้า หลังคาที่ทนทานนานที่สุด  วัสดุกันซึมประเภทโพลียูรีเทนนั้น นอกจากจะมีความทนทานยาวนานกว่า 10 ปีแล้ว ยังสามารถทนน้ำขังได้เป็นเวลากว่า 30 วัน และมีความยืดหยุ่นสูงถึง 800% เรียกได้ว่าเป็น กันซึมดาดฟ้า หลังคา ที่ดีที่สุด พรีเมี่ยมที่สุด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ กันซึมดาดฟ้า หลังคา ของทีโอเอเลยก็ว่าได้

 

1. ทำความสะอาดดาดฟ้าเพื่อเตรียมพื้นผิว

ขูดแซะวัสดุกันซึมเดิมและปูนที่เสื่อมสภาพออก รวมถึงขัดล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยแล้วทาน้ำยา ทีโอเอ 113 ไมโครคิล (TOA 113 Microkill)  เพื่อกำจัดเชื้อราและตะไคร่น้ำบนดาดฟ้าให้หมดไป จากนั้นทิ้งให้แห้งแบบไม่ต้องล้างน้ำออก เป็นเวลา 24 ชั่วโมง

 

2. อุดโป๊วรอยแตกร้าวด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

ใช้ทีโอเอ โพลียูรีเทน ซีลแลนท์ (TOA PU Sealant) ซึ่งเป็นซีลแลนท์อุดโป๊วที่มีความยืดหยุ่นสูง กันน้ำได้ และทนต่อสภาวะอากาศได้ดีเยี่ยม

 

3. เริ่มทาอะคริลิกกันซึม ทีโอเอ 201 รูฟซีล แบบผสมน้ำ เพื่อทาเป็นชั้นรองพื้น

เปิดฝาอะคริลิกกันซึมดาดฟ้า ทีโอเอ 201 รูฟซีล แล้วกวนให้เข้ากัน จากนั้นตักแบ่งออกมาเพื่อผสมน้ำ ใช้อัตรา กันซึมดาดฟ้า 3 ส่วน ต่อ น้ำ 1 ส่วน โดยปริมาตร คนให้เข้ากันกับน้ำ แล้วทาเป็นชั้นรองพื้น อย่าลืมทายกขอบเป็นแนวบัวผนัง ประมาณ 10 เซนติเมตร

 

4. เสริมความแข็งแรงตามขอบมุม และรอยแตกร้าวบนดาดฟ้า

วางแผ่นทีโอเอ ไฟเบอร์ เมช (TOA Fibre Mesh) ตามขอบมุมและตามรอยแตกร้าวต่างๆ ใช้ลูกกลิ้งหรือแปรงรีดแผ่นตาข่าย ทีโอเอ ไพเบอร์ เมช ให้แนบสนิทไปกับ กันซึมดาดฟ้า ที่ทาเป็นชั้นรองพื้น ในขณะที่ชั้นรองพื้นยังหมาดอยู่ เสร็จแล้วทิ้งให้แห้งประมาณ 2-4 ชั่วโมง

 

5. ทาอะคริลิกกันซึมบนดาดฟ้าอีก 2 รอบ แบบไม่ต้องผสมน้ำ

เมื่ออะคริลิก กันซึมดาดฟ้า ชั้นรองพื้นแห้งดีแล้ว ให้ทากันซึมดาดฟ้าซ้ำอีก 2 รอบ แบบไม่ต้องผสมน้ำ ในแต่ละเที่ยวการทา ให้ทาไขว้กันตามภาพ เช่น รอบที่หนึ่ง ทาขึ้นหรือลง แล้วรอแห้ง 2-4 ชั่วโมง  รอบที่สองทาแนวขวางจากซ้ายไปขวา  แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย

 

       

        

Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “การต่อเติมหลังคากันสาด”

สาระน่ารู้ :

การต่อเติมหลังคากันสาด หนึ่งในประเด็นที่หลายคนสงสัยก็คือ จะทำหลังคาใสๆ ให้แสงลอดผ่านได้หรือจะทำหลังคาทึบบังแดดไปเลยดี วันนี้จะขอแนะนำแนวทางให้พอนึกภาพกันออก เพื่อเป็นไอเดียในการต่อเติมหลังคาที่ตรงใจและตอบโจทย์การใช้งานสำหรับเจ้าของบ้าน
หลังคาใสกับหลังคาโปร่งแสง จะคล้ายกันตรงที่แสงส่องผ่านได้ทั้งคู่ โดยหลักแล้วถ้าพูดถึงหลังคาใส ย่อมต้องมองเห็นทะลุไปด้านนอกได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าเป็นหลังคาโปร่งแสงนั้นเราจะนึกถึงวัสดุที่ขุ่นกว่า โดยจะมองทะลุอีกฝั่งได้ชัดมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปริมาณที่แสงส่องผ่านได้ หากเป็นวัสดุที่แสงส่องผ่าน 80% จะมองทะลุได้ชัดกว่า วัสดุที่แสงส่องผ่านเพียง 40% เป็นต้น สำหรับครั้งนี้เพื่อไม่ให้งง จะขอเรียกหลังคาใสรวมไปกับ “หลังคาโปร่งแสง” ด้วยเลย
ส่วนหลังคาทึบแสง ก็จะหมายถึงหลังคาที่มุงวัสดุทึบ พูดง่ายๆ ว่าอยู่ใต้หลังคาทึบแสงแล้วแสงแดดจะไม่ส่องเข้ามาในพื้นที่ใช้สอย (แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ร้อน เพราะถึงแม้แดดจะไม่ส่องแต่ความร้อนก็ยังผ่านเข้ามาได้อยู่ดี)

หลังคาโปร่งแสงกับหลังคาทึบแสง เลือกใช้แบบไหนดี

​​​​​จะเลือกหลังคาโปร่งแสงหรือทึบแสงดีนั้น อันดับแรกควรดูเรื่องการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น

ต่อเติมหลังคากันสาดเหนือประตูหน้าต่าง หากเป็นทิศตะวันตกซึ่งต้องการกันทั้งแดดและฝน ก็ควรเลือกหลังคาทึบแสง แต่ถ้าเป็นทิศเหนือที่แดดร่มทั้งวัน อาจเลือกทำหลังคาโปร่งแสงเพื่อกันฝนโดยให้รับแสงธรรมชาติได้ทั้งวัน

       
ต่อเติมหลังคาลานซักล้าง  หากต้องการทำหลังคากันฝนแต่ให้รับแดดขณะตากผ้าด้วย จะเหมาะกับหลังคาโปร่งแสง
 
ต่อเติมหลังคาโรงจอดรถ ครัว ห้องเก็บของ พื้นที่พักผ่อนนั่งเล่น อันนี้ขึ้นอยู่กับทิศทางแดดและรายละเอียดการใช้สอย แต่ละบ้านมีความต้องการไม่เหมือนกัน หรือถ้าต้องการแสงธรรมชาติแค่บางส่วน อาจใช้ผสมกัน เช่น ห้องครัว อาจทำหลังคาโปร่งแสงให้แดดส่องบริเวณชั้นวางเครื่องครัวกับอ่างล้างจาน ส่วนบริเวณตู้เย็นและที่เก็บอาหารใช้หลังคาทึบ เป็นต้น
 

วัสดุมุงหลังคาโปร่งแสงและทึบแสง มีแบบไหนให้เลือกบ้าง

 
หลังคาแบบโปร่งแสงและทึบแสงมีวัสดุมุงหลายแบบหลายสีให้เลือก สำหรับหลังคาโปร่งแสงจะมีวัสดุแผ่นเรียบอย่างโพลีคาร์บอเนต (แบบแผ่นตัน แบบแผ่นลูกฟูก แบบผิวส้ม) และอะคริลิก (มีทั้งรุ่นธรรมดา รุ่นคุณภาพสูงเพิ่มความแข็งแกร่ง รุ่นป้องกันความร้อน) นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์กลาสทั้งแผ่นเรียบและแผ่นลอน กับอีกวัสดุคือ UPVC ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นลอน (หากเป็นสีขาวขุ่นแสงจะส่องผ่านเพียง40%) 
ส่วนวัสดุสำหรับต่อเติมหลังคาแบบทึบที่นิยมกันมากจะ ได้แก่ เมทัลชีท เป็นแผ่นหลังคาเหล็กรีดลอนซึ่งมีรุ่นธรรมดาและรุ่นติดตั้งฉนวนในตัว) กับอีกชนิดซึ่งมีรูปลอนใกล้เคียงกัน คือ UPVC ซึ่งมักมีฉนวนกันความร้อนสอดไส้ไว้ด้วย อีกวัสดุที่น่าสนใจคือ ไวนิล มีลักษณะเป็นชิ้นยาว หน้ากว้าง 12.5 ซม. ยาว 4-6 เมตร ตัวแผ่นถูกออกแบบให้ล็อกต่อกันได้เลย สำหรับกรณีที่ต้องการต่อเติมหลังคาแบบทึบควบคู่กับหลังคาโปร่งแสง อาจเลือกใช้ กระเบื้องหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์ ซึ่งมีกระเบื้องโปร่งแสง (วัสดุไฟเบอร์กลาสหรือโพลีคาร์บอเนต) รูปลอนเดียวกันให้ใช้ด้วย

 

สรุปข้อดี ข้อคำนึง ของหลังคาโปร่งแสงและทึบแสง

หลังคาโปร่งแสง จะได้เปรียบกว่าหลังคาทึบแสงในเรื่องความสว่างและบรรยากาศจากแสงธรรมชาติ (อาจเหมาะกับคอนเซปต์ประหยัดพลังงานตรงที่ช่วยลดการเปิดไฟได้) และยังสร้างลูกเล่นการตกแต่งแสงเงาได้มากกว่า ข้อสำคัญในการเลือกใช้หลังคาโปร่งแสงคือ ควรดูปริมาณและทิศทางแดดให้ดีเพื่อไม่ให้แดดส่องจนร้อนเกินไป และอาจต้องทำใจว่าเมื่อใช้งานไปนานจะมองเห็นคราบสกปรกได้ง่าย รวมถึงไม่เหมาะกับการติดตั้งฉนวนกันร้อนกันเสียง เนื่องจากจะทำลายทั้งความสวยงามและจุดประสงค์หลักที่ต้องการให้แสงส่องผ่านได้

 

ส่วนหลังคาทึบแสง ถ้าพูดถึงเรื่องบรรยากาศรับแสงธรรมชาติ ความสวยงามเชิงทันสมัย และการสร้างลูกเล่นตกแต่ง อาจหลากหลายน้อยกว่าหลังคาโปร่งแสง ในขณะเดียวกัน หากเราจำเป็นต้องสร้างส่วนต่อเติมในพื้นที่ที่โดนแดดแรงนานๆ หลังคาทึบแสงจะตอบโจทย์เรื่องกันแดดกันร้อนได้ดีกว่า เพราะนอกจากแดดจะไม่ส่องโดยตรงแล้ว ยังสามารถติดตั้งฉนวนกันร้อนและกันเสียงใต้วัสดุมุงได้ด้วยโดยไม่ต้องคำนึงเรื่องความสวยงามจากภายนอก นอกจากนี้ วัสดุหลังคาทึบแสงมักมีราคาถูกกว่าหลังคาโปร่งแสง (เมื่อเทียบระดับคุณภาพการใช้งานที่ใกล้เคียงกัน)

 

ตัวอย่างหลังคาแบบโปร่งแสง

ตัวอย่างหลังคาแบบทึบแสง
     
(cr. pinterest)
Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “ปัญหาพื้นที่จอดรถทรุด”

สาระน่ารู้ : ปัญหาพื้นที่จอดรถทรุด

สำหรับบ้านที่อยู่กรุงเทพฯ, ปริมณฑล, แถวภาคกลาง หรือบ้านที่อยู่บนชั้นดินอ่อนพื้นที่ตามท้องนา ห้วย หนอง คลอง บึง ต้องเคยเจอปัญหาพื้นจอดรถเกิดการทรุดตัว, มีรอยร้าว หรือรอยแยกกันทั้งนั้น เพราะการอยู่บนชั้นดินอ่อนคือความเสี่ยงอย่างหนึ่งในการเกิดปัญหานี้ วันนี้เรามี 3 วิธี แก้ปัญหาพื้นจอดรถทรุด มาฝาก เพื่อให้ผู้ที่ประสบปัญหานี้เข้าใจและมีวิธีแก้ไขกันครับ

 

วิธีแก้ไขปัญหาพื้นจอดรถทรุด

  • สร้างพื้นจอดรถบนโครงสร้างที่มีเสาเข็มรองรับ และความยาวของเสาเข็มต้องยาวใกล้เคียงกับตัวบ้าน จึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะจะทำให้การทรุดตัวของทั้งบ้าน และที่จอดรถเกิดความเท่ากัน แต่ก็มีข้อเสียอยู่คือ ทำให้สิ้นเปลืองค่าก่อสร้างมากขึ้น และรอยต่อระหว่างที่จอดรถกับถนนหน้าบ้านอาจเกิดรอยแตกขึ้นได้ เนื่องมาจากการทรุดตัวของถนน แล้วเราก็ต้องมาแก้ไขในส่วนนี้เพิ่มเติมอีก เช่นการเทพื้นทำทางลาด (Ramp) เป็นต้น แต่ก็ดีกว่าการปล่อยให้พื้นจอดรถทรุดลงไปเรื่อย ๆ

 

  • ก่อสร้างพื้นจอดรถบนเสาเข็มสั้นแบบปูพรม โดยปกติที่นิยมใช้กันคือเสาเข็มสั้น เช่น เสาเข็มหกเหลี่ยม หรือเสาเข็มรูปตัวไอความยาวประมาณ 2-6 เมตร มาตอกปูพรมทุกระยะ 1 เมตร เป็นต้น เพื่อช่วยชะลอการทรุดตัวของพื้นที่จอดรถ อย่างไรก็ตามวิธีนี้แม้จะมีเสาเข็มช่วยรับน้ำหนักแต่พื้นก็ยังเกิดการทรุดตัวอยู่ดี ดังนั้นบริเวณที่จอดรถที่ติดกับตัวบ้านควรแยกโครงสร้างออกจากกัน ด้วยการตัดแยกรอยต่อระหว่างพื้นโครงสร้างที่วางบนคานและพื้นโครงสร้างที่วางบนดิน หรือเรียกสั้น ๆ ว่าการการตัด Joint โครงสร้างไม่ให้ติดกันก็ได้ (วิธีที่นิยมใช้กัน คือ วิธีการตัด Joint โดยการโรยกรวด หรือกรณีที่รอยร้าวไม่มากจะใช้วิธีอุดรอยต่อด้วยโฟมเส้นแล้วยาแนวด้านบนด้วยวัสดุอุดรอยต่อ อาทิ PU หรือ ซิลิโคน หรือยางมะตอย)

 

  • ให้ก่อสร้างพื้นจอดรถบนพื้นดิน (Slab On ground) โดยไม่มีเสาเข็มหรือโครงสร้างรองรับ วิธีนี้เป็นวิธีที่ถูกและประหยัดที่สุด ที่สำคัญเหมาะกับการก่อสร้างพื้นจอดรถบนดินแข็งด้วย แต่มีข้อแม้อยู่ที่หากตั้งอยู่บนดินอ่อนก็จำเป็นต้องบดอัดดินให้แน่นก่อนทำการเทพื้นที่จอดรถ จากนั้นช่างจะทำการตัดแยกโครงสร้างส่วนที่จอดรถและโครงสร้างโดยรอบออกจากกันครับ

 

สรุปวิธีแก้ไขปัญหาพื้นจอดรถทรุดแบบสั้นกระชับเข้าใจง่ายมากขึ้น

วิธีที่ 1 : เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะไม่เกิดการทรุดตัวที่แตกต่างกันระหว่างตัวบ้านและที่จอดรถ แต่ค่าก่อสร้างอาจสูง และต้องแก้ปัญหารอยต่อระหว่างที่จอดรถกับถนนหน้าบ้านต่อ เนื่องมาจากถนนหน้าบ้านอาจเกิดการทรุดตัว

วิธีที่ 2 : จะมีการทรุดตัวปานกลางขึ้นกับความยาวเสาเข็ม ค่าใช้จ่ายปานกลาง

วิธีที่ 3 : แม้วิธีนี้จะง่าย และค่าใช้จ่ายถูกที่สุด แต่อาจเกิดปัญหาการทรุดตัวมากที่สุด หมายถึงเราต้องคอยตามซ่อมไปเรื่อย ๆ   อีกทั้งวิธีนี้ยังไม่ควรลงทุนทำพื้นสวย ๆ เช่น ทรายล้าง, คอนกรีตพิมพ์ลาย, ปูกระเบื้องแพง ๆ เลย เนื่องจากต้องซ่อมบ่อยนั่นเอง

 

         

 

 

 

Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “แผ่นผนังและฝ้า”

สาระน่ารู้ : งานก่อสร้าง

เรื่อง : แผ่นผนังและฝ้า แผ่นยิปซั่มบอร์ด และ แผ่นสมาร์ทบอร์ด

 

แผ่นยิปซั่มบอร์ด และ แผ่นสมาร์ทบอร์ด คือ วัสดุหลักสำหรับการทำฝ้าเพดานและฝาผนัง ถึงแม้ทั้งคู่จะดูคล้ายกัน แต่กลับมีความแตกต่างในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคุณสมบัติ พื้นที่การใช้งาน และวิธีการติดตั้ง วันนี้เราจะมาอธิบายถึงความแตกต่างเหล่านี้เพื่อให้คุณได้เลือกใช้อย่างถูกวิธี

แผ่นยิปซั่มบอร์ด

แผ่นยิปซัมบอร์ด ผลิตจากแร่ยิปซั่มที่นำมาขึ้นรูปให้เป็นแผ่น ประกบทับด้วยกระดาษเหนียวอัดแน่นที่ด้านหน้าและด้านหลัง จึงมีผิวหน้าที่เรียบเนียนสม่ำเสมอ แต่คงไว้ซึ่งความแข็งแรงทนทาน แผ่นยิปซั่มบอร์ดมีน้ำหนักเบา และมีหลายชนิดให้เลือกใช้เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่าง เช่น ชนิด ทนชื้น, กันร้อน และทนไฟ เป็นต้น

แผ่นสมาร์ทบอร์ด

แผ่นสมาร์ทบอร์ด คือ แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์คุณภาพสูง ผลิตจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์, ซิลิก้า และเส้นใยเซลลูโลสชนิดพิเศษ ผ่านกระบวนการอบไอน้ำแรงดันสูง ช่วยให้แผ่นมีความแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย ทนได้ทั้งแดดและฝน อีกทั้งยังไม่เป็นอาหารของปลวก แผ่นสมาร์ทบอร์ด  มีหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามประเภทการใช้งานที่ต้องการ เช่น รุ่น ขอบเรียบ, ขอบลาด 2 ด้าน และ ระบายอากาศ โพรเทคชั่น เป็นต้น

 

     แผ่นยิปซั่มบอร์ด เหมาะสำหรับงานฝ้าเพดานและผนังภายใน เพราะมีผิวหน้าที่เรียบเนียนสวยงาม สามารถฉาบเก็บรอยต่อได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกทั้งยังมีฝุ่นน้อยและตัดแต่งได้ด้วยคัตเตอร์ ทำให้ง่ายต่อการเจาะซ่อมแซม สำหรับการใช้งานบริเวณฝ้าภายนอก สามารถเลือกใช้แผ่นยิปซั่มบอร์ดชายคาเพื่อตอบโจทย์เรื่องความทนทานต่อสภาพอากาศ ฝ้าเพดานและผนังห้องนอนฝ้าหลุม ฝ้าเล่นระดับ ในห้องนั่งเล่นฝ้าชายคา

 

   แผ่นสมาร์ทบอร์ด  เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความทนทานเป็นพิเศษ เพราะสามารถรับแรงกระแทกได้ดี ไม่แตกหักง่าย ทนทานต่อแดดและฝน และที่สำคัญไม่เป็นอาหารของปลวก จึงนำไปใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นงานฝ้าเพดาน, ฝาผนัง และพื้น ฝ้าภายนอกผนังตกแต่งภายนอก    

Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “‘งานซ่อมกระเบื้องหลุดล่อน”

สาระน่ารู้ : งานซ่อมแซมกระเบื้องหลุดล่อน โก่งตัว

เรื่อง  : งานซ่อมแซมกระเบื้องหลุดล่อน โก่งตัว

 

ทำไมกระเบื้องจึงหลุดร่อน โก่งตัว ระเบิด

การที่กระเบื้องหลุดร่อน โก่งตัว ระเบิด มีสาเหตุ อยู่หลายปัจจัย อาทิ เช่น

  1. ปูนที่ใช้ผสมทรายแทนการใช้ปูนกาวปูกระเบื้อง
    ปูนซีเมนต์ผสมทรายจะมีค่าการยึดเกาะที่ต่ำกว่าปูนกาวปูกระเบื้อง จึงทำให้กระเบื้องหลุดร่อน โก่งตัว ระเบิด ได้โดยง่าย
  2. ปูกระเบื้องไม่ถูกต้อง ตามวิธีการที่เหมาะสม
    • การปูกระเบื้อง แบบวิธีปูแบบซาลาเปา
      การปูกระเบื้องแบบซาลาเปา เป็นการใช้ปูนกาว / ปูนซีเมนต์ผสมทราย ป้ายใส่บริเวณใต้กระเบื้องเป็นก้อนๆ การทำแบบนี้ อากาศจะสามารถไหลเข้าไปแทรกตามช่องว่างใต้กระเบื้อง ทำให้การยึดเกาะลดลงจนกระเบื้องหลุดร่อนออกมาได้
    • การปูกระเบื้องแบบขี้หนู
      การปูกระเบื้องแบบขี้หนู เป็นการปรับระดับพร้อมปูกระเบื้องไปในตัว แต่ผลของการปูกระเบื้องด้วยวิธีนี้จะทำให้กระเบื้องมีโอกาสเคลื่อนหรือยุบตัวได้ และจะทำให้เกิดปัญหากระเบื้องกระเดิด หรือหลุดร่อน ระเบิดได้

 

วิธีแก้ไขซ่อมแซมกระเบื้องหลุดร่อน โก่งตัว ระเบิด มีหลายขั้นตอน ตามขั้นตอนดังนี้

กัดซีเมนต์บริเวณที่กระเบื้องหลุดร่อน โก่งตัว ระเบิด แล้วทำความสะอาดพื้นผิวให้ ถ้าพื้นผิวมีรูพรุนมาก ต้องทำให้พื้นผิวซึมซับน้ำให้อิ่มตัวก่อนปูกระเบื้อง

  1. ผสมปูนกาวทีโอเอกับน้ำสะอาด (อัตราส่วน 20 กก : น้ำ 5 ลิตร) ปั่นด้วยสว่านรอบต่ำ ผสมให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ทิ้งไว้ให้เคมีบ่มตัวประมาณ 3-5 นาที แล้วกวนส่วนผสมอีกครั้งก่อนนำไปใช้งาน
  2. ใช้เกรียงหวีด้านเรียบ ปาดปูนกาวทีโอเอ ลงบนพื้นหรือผนังที่ต้องการปูกระเบื้อง แล้วใช้เกรียงหวีด้านที่เป็นร่องปาดครูดให้เป็นรอยทาง
  3. ใช้ปูนกาว ทาใต้กระเบื้องให้เต็มแผ่น แล้วประกบกระเบื้องลงบนพื้นผิว ใช้ค้อนยางเกาะให้กระเบื้องติดแน่นกับปูนกาว กดกระเบื้องลงให้หลังกระเบื้องสัมผัสกับปูนกาวเต็มแผ่น
  4. ปรับแต่งกระเบื้องให้ตรงตามแนวที่ต้องการได้ภายใน 15 นาที
  5. ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงก่อนทำการยาแนว

 

 

                      

.

             

Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “ประตูชนิดต่างๆสำหรับงานก่อสร้าง”

สาระน่ารู้ : งานก่อสร้าง

สาระน่ารู้ : เรื่องประตูชนิดต่างๆสำหรับใช้ในงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน รีโนเวทต่อเติมบ้าน

 

ประตูมีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นประตูไม้จริง, ประตู WPC, ประตู PVC และ ประตู uPVC ซึ่งวัสดุในการทำประตูเหล่านี้ก็จะมีความแตกต่างกันออกไปรวมถึงคุณภาพของประตู คุณสมบัติ ความแข็งแกร่งและทนทานก็จะมีความแตกต่างกันออกไปที่ใช้สำหรับงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน รีโนเวทต่อเติมบ้าน เช่นกัน

 

  • ประตูไม้จริง ประตูไม้จริงคือประตูที่ทำจากไม้ธรรมชาติ โดยประตูไม้จริงสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรูปแบบบ้านได้หลากหลายแบบหลายสไตล์ เช่น บ้านแบบคลาสสิค, บ้านแบบโมเดิร์น, บ้านแบบร่วมสมัย และอื่นๆด้วยโทนสีของไม้ที่แตกต่างกัน สำหรับไม้ที่นิยมนำมาทำประตูคือ ไม้แดง ไม้โอ๊ค ไม้เต็ง เนื่องจากเป็นไม้เนื้อแข็งทำให้ประตูบ้านมีความแข็งแรงทนทาน

ข้อดีของประตูไม้จริง: มีความแข็งแรง ทนทาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ได้สัมผัสถึงไม้จริง

ข้อเสียของประตูไม้จริง: ปลวกสามารถกินได้และอาจส่งผลถึงอนาคตที่เราจะต้องเปลี่ยนประตูใหม่, ประตูหดตัวและขยายตัวออกได้ หากได้รับความชื้นและสามารถพองได้เช่นกัน

 

  • ประตู WPC หรือชื่อในภาษาอังกฤษเรียกว่า (Wood Plastic Composite)  ประตู wpc เป็นประตูที่ใช้ส่วนผสมที่ทำมาจากไม้ผสมกับโพลีเมอร์หลากชนิดหรืออาจจะเข้าใจสั้นๆว่าใช้เศษผงไม้ผสมกับพลาสติกที่ใช้หลายๆส่วนองค์ประกอบมารวมกันและนั้นจึงเป็นจุดแข็งของประตู wpc ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทาน ไม่ดูดซึมน้ำ กันความชื้นและปลวก
  1. หมดปัญหาเรื่องมอดและปลวกไปได้เลย ด้วยวัสดุที่ทำมาเป็นพิเศษมีความเป็นไม้จริงผสมกับวัสดุพิเศษที่ปลวกไม่สามารถทำลายได้
  2. ไม่ดูดซึมน้ำ ประตูไม่พอง ไม่เกิดการขยายตัว
  3. มีความแข็งแรงและทนทานสูง
  4. วัสดุไม่ไวไฟ ไม่ลามไฟ

 

  • ประตู PVC เป็นประตูที่พบเห็นได้ทั่วไปเหมาะแก่การนำไปติดตั้งเป็นประตูห้องน้ำซะเป็นส่วนใหญ่ ประตูพีวีซีผลิตจากพีวีซีคุณภาพสูง ที่รับรองว่าไม่ผุพังเมื่อโดนเปียกน้ำ หรือต่อให้มีความชื้น น้ำหนักเบาใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย ดีไซน์ก็เรียบง่าย และราคาไม่สูงมากนัก ทำให้ประตูพีวีซีสามารถเคลื่อนย้ายติดตั้งได้ง่าย แต่ด้วยโครงสร้างที่กลวงจึงส่งผลให้เปราะบางและรับน้ำหนักได้น้อย มีน้ำหนักเบา ราคาไม่สูงมาก ติดตั้งง่าย และที่สำคัญกันมอดปลวกได้ 100% ทนความชื่นเนื่องจากวัสดุที่ใช้ทำมาจากพลาสติก

 

ตัวอย่างประตูไม้

        

 

ตัวอย่างประตู WPC

       

 

ตัวอย่างประตู PVC

 

Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “ตะแกรงกรงไก่มีประโยชน์อย่างไร”

สาระน่ารู้ : งานก่อสร้าง

เรื่อง  : ตะแกรงกรงไก่มีประโยชน์อย่างไร สำหรับงานก่อฉาบปูนในงานก่อสร้าง

 

การฉาบปูนนั้นคืองานที่เป็นสาระสำคัญอยู่ตรงที่ควรทำอย่างไรให้การฉาบปูนออกมามีเรียบเนียน และไม่ก่อให้เกิดการแตกร้าวหลังจากที่ปูนแห้งสนิท ซึ่งปัญหาเรื่องการแตกร้าวนับเป็นเรื่องชวนปวดหัวที่ช่างก่อสร้างมักเจอเป็นประจำ และแน่นอนว่ามันสามารถสร้างความกังวลใจแก่เจ้าของบ้านเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีการนำลวดตาข่ายที่เรียกว่า “ตะแกรงกรงไก่” ซึ่งเต็มที่อุปกรณ์ลวดเหล็กชนิดนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ในงานด้านปศุสัตว์และงานด้านเกษตรกรรม เพราะเป็นการนำเส้นลวดตาข่ายสี่เหลี่ยมชุบสังกะสี (GALVANIZED STEEL WIRE) ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันสนิมและทนทานต่อการกัดกร่อนจากสภาวะต่างๆได้เป็นอย่างดี ซึ่งในเชิงช่างหรืองานก่อสร้างนั้นตะแกรงกรงไก่ถือว่ามีประโยชน์ในงานฉาบปูนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ประโยชน์ของตะแกรงกรงไก่สำหรับงานก่อสร้าง

 

สามารถนำใช้เพื่อลดโอกาสแตกร้าวของผนังที่มีการฉาบปูน โดยเฉพาะในจุดที่มีปัญหา เช่น รอบวงกบประตู-หน้าต่างๆ, ตามแนวท่อน้ำประปา, แนวท่อร้อยสายไฟฟ้า, รอยต่อระหว่างเสาและผนัง, รอยต่อระหว่างคานและผนัง, รอยต่อระหว่างผนังและคานคอดิน เป็นต้น ใช้รองรับแผ่นฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาไม่ให้หย่อนเป็นท้องช้างได้ ใช้ได้กับทั้งใต้หลังคาโรงงาน ห้างสรรพสินค้า และโกดังสินค้า เป็นต้น

ควรเลือกซื้อตะแกรงกรงไก่ขนาดเท่าไหร่ ตะแกรงกรงไก่สำหรับงานก่อสร้างนั้นจะนิยมเลือกซื้อในขนาด ตา ½” หรือตาข่ายกว้าง 4 หนุน หน้ากว้าง 90 เซนติเมตร และความยาวประมาณ 24-30 เมตร โดยขนาดไซซ์อื่นๆ จะนิยมใช้ในงานประเภทอื่นอย่างทำกรงนก กรงไก่ ตาข่ายป้องกันงู ตาข่ายกั้นอาณาเขต ก็จะใช้ความถี่หรือความกว้างของตาข่ายที่แตกต่างกันออกไปตามวัตถุประสงค์เป็นหลัก

ควรติดตะแกรงกรงไก่ก่อนฉาบที่บริเวณใดบ้าง อย่างที่ได้กล่าวไปว่าตะแกรงกรงไก่เป็นตาข่ายเหล็กที่เหมาะสำหรับใช้งานฉาบปูน โดยสามารถนำไปประยุกต์ได้ในหลายตำแหน่งดังนี้

งานฝังท่อวางระบบและบล็อกไฟเป็นตำแหน่งที่สามารถเกิดรอยร้าวหลังปูนแห้งค่อนข้างสูง เพราะในระหว่างวันปูนจะมีการหดตัวและคลายตัวเกิดขึ้นได้ตามสภาพอากาศ คุณสามารถแก้ปัญหาได้โดยการเสริมตะแกรงกรงไก่ตามตำแหน่ง แนวท่อประปา และแนวท่อร้อยสายไฟ เพื่อให้ปูนสายยึดเกาะและจับตัวได้ดียิ่งขึ้น

ช่องเปิดประตู หน้าต่าง ช่องแอร์ ในตำแหน่งตามมุมอย่างวงกบประตู หน้าต่าง และช่องแอร์ ล้วนเป็นตำแหน่งยอดฮิตที่มักพบเจอราวร้าวได้เป็นประจำ โดยคุณสามารถนำตะแกรงกรงไก่ไปปิดรอบส่วนของวงกบทับเสาเอ็นและคานทับหลังได้เลย พร้อมปิดตรงมุม 45 องศาด้วย ช่วยให้ปูนไม่ร่อนและจับตัวได้ดีกว่า

รอยต่ออิฐเสมอเสาโครงสร้าง รอยต่อตามตำแหน่งต่างๆ เช่น รอยต่อระหว่างเสากับผนัง รอยต่อระหว่างคานกับผนัง และรอยต่อระหว่างผนังกับคานคอดิน คุณสามารถนำตะแกรงกรงไก่ไปช่วยแก้ปัญหาโดยการปิดรอยต่อตามตำแหน่งที่กล่าวไปทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแยก ซึ่งเป็นรอยที่รบกวนใจได้มากกว่ารอยแยกตามตำแหน่งอื่นๆเป็นอย่างมาก

 

      

       

 

 

Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “การหาช่างซ่อมบ้าน”

เรื่อง : สาระน่ารู้เกี่ยวกับการหาช่างซ่อมบ้าน

จะหาช่างซ่อมบ้านอย่างไร ให้ได้ช่างซ่อมมืออาชีพ ชำนาญงานตรงกับงานที่จะซ่อมแซม

 

เราจะหาช่างซ่อมบ้านได้อย่างไรนั้นควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้

 

  • ช่างราคาซ่อมแซมที่ถูกไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป จงอย่างเห็นแก่ราคาที่ถูกอย่างเดียว

ผู้ให้บริการซ่อมแซมบ้านเดี๋ยวนี้มีหลากหลายกลุ่มและประเภทและราคา ด้วยสภาวะที่มีการแข่งขันที่สูง ทำให้อาจมีผู้ใช้ช่องว่างนี้ทำการตัดราคากันเพื่อให้ได้การรับจ้างงาน ดังนั้นเราควรพิจารณาดูหลายๆปัจจัย ก่อนจะตัดสินใจว่าจ้างช่างซ่อมบ้านเราโดยไม่เห็นแก่ราคาที่ถูกกว่าอย่างเดียวเท่านั้น  แต่ควรตัดสินใจเลือกจากความเชี่ยวชาญในงานซ่อม รวมไปถึงความชัดเจนในการพูดคุยด้วยและคะแนนการรีวิวต่างๆ(หากมี)

 

  • สรุปขอบเขตงานที่จะซ่อมแซมบ้านและข้อตกลงต่างๆให้ชัดเจน อาทิเช่น วัสดุที่ใช้ ราคาที่ว่าจ้าง ช่างผู้ปฎิบัติงาน ฯลฯ

หากเป็นไปได้ก่อนที่จะเรียกใช้บริการ เราควรถ่ายภาพและเก็บรายละเอียดความเสียหายให้ชัดเจน เพื่อพูดคุยถึงปัญหาและขอบเขตการซ่อมกับช่าง โดยควรให้ช่างประเมินว่าความเสียหายขนาดนี้ ประเมินแล้วจะมีค่าใช้จ่ายเป็นราคาเท่าไร ระยะเวลาในการซ่อมนานแค่ไหนและจำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง

 

  • ก่อนที่จะซ่อมแซมบ้านหรืออุปกรณ์ใดๆ เราควรที่จะรู้จักปัญหางานที่จะซ่อมแซมและอุปกรณ์ที่จะซ่อมแซมเสียก่อน

เมื่อเรามีรายการท่จะต้องการซ่อมแซมบ้าน ซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆของบ้าน หรือมีอุปกรณ์ชำรุดเสียหาย ควรตรวจสอบก่อนว่าอาการเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น อาจเกิดมาสาเหตุอะไรได้บ้าง มีความเสียหายในส่วนไหน ผลที่เกิดขึ้นส่งผลต่ออุปกรณ์อย่างไร โดยสามารถสืบค้นข้อมูลได้จากอินเทอร์เน็ต ค้นหาจาก Google เพื่อหาความรู้เบื้องต้นในการสื่อสารกับช่าง เพื่อให้ช่างสามารถซ่อมได้ตรงจุดมากที่สุด

 

  • วิธีการหาช่างซ่อมแซมบ้านที่ไว้วางใจได้จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

ช่องทางหาบริการช่างซ่อมแซมบ้านมีมากมายหลายช่องทางในปัจจุบันนี้ มีระบบรีวิวจากผู้ใช้งาน ดังนั้นก่อนการตัดสินใจเลือกใช้บริการช่างซ่อมแซมบ้าน เราควรหาข้อมูลในการรีวิวของผู้ใช้บริการซ่อมแซมงานที่ผ่านมา เพื่อประเมินว่าช่างที่เราจะใช้บริการนั้นมีความน่าเชื่อถือแค่ไหนอย่างไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินที่จะว่าจ้างให้เข้ามาซ่อมแซมบ้านเรา

 

  • เราควรควบคุมและตรวจสอบการทำงานการซ่อมแซมอย่างใกล้ชิดโดยไม่ทำให้ช่างรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ

เราไม่ควรละเลยที่จะตรวจสอบการซ่อมแซมบ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรควบคุมการทำงานของช่างมากจนเกินไปเพราะอาจทำให้ช่างรู้สึกอึดอัด ไม่สะดวกหรือไม่สบายใจที่จะให้บริการได้

ข้อดีของการตรวจสอบนั้นคือเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆอันอาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น ใช้วัสดุไม่ได้คุณภาพ ข้ามขั้นตอนที่สำคัญในการทำงาน ทำความเสียหาย หรือเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับทรัพย์สิน และเพื่อให้เข้าใจปัญหาของการซ่อมแซมบ้านและอุปกรณ์ที่ซ่อมแซมนั้นๆ

 

หลังจากพิจารณา กลั่นกรอง ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อที่จะเลือกช่างเข้ามาซ่อมแซมบ้านเราแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการตกลงว่าจ้าง

เราควรกำหนดข้อตกลงต่างๆ เช่น ราคาการว่าจ้าง เงื่อนไขต่างๆ วันและเวลาในการทำงานที่แน่นอน

เมื่อพบช่างที่ถูกใจ สื่อสารเรื่องการซ่อมและตกลงราคากันได้แล้ว ต่อมาคือเรื่องของการนัดแนะวันเวลาในการทำงาน

เนื่องจากงานซ่อมแซมบ้านบางอย่างอาจส่งเสียงดังจนเป็นการรบกวนเพื่อนบ้านข้างเคียงได้ หากอยู่อาศัยในบ้านเดี่ยว

คงจะไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่หากอยู่อาศัยในคอนโด ควรแจ้งกับนิติบุคคลอาคารชุดถึงขอบเขตงานซ่อม วันและเวลาที่ช่างจะเข้ามา

เพื่อให้นิติบุคคลอาคารชุดรับทราบ

 

Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “การซ่อมรอยแตกร้าวด้วย Epoxy Injection”

“การซ่อมแซมรอยแตกร้าวด้วย Epoxy Injection”

การอัดฉีด Epoxy เข้าไปในรอยร้าว เพื่อยึดรอยร้าวให้กลับมาติดกันเหมือนพื้นเดิมและทำให้โครงสร้างคอนกรีตที่แตกร้าวกลับมารับกำลังได้ดีเช่นเดิม

ขั้นตอนการทำงาน

  1. วางหัวแป้นฉีดลงตามรอยแตกร้าว:  ทำความสะอาดรูและรอยแตกร้าวด้วยการใช้ลมเป่าเศษฝุ่นและผงต่างๆออกให้สะอาด วางหัวแป้นฉีดลงตามรอยแตกร้าวระยะห่างทุกๆ 30เซนติเมตร

   

2.  ฉาบปิด seal ที่หัวแป้นและรอยร้าว:  ฉาบปิด seal ที่แป้นและรอยร้าวด้วย Epoxy Adhesive Mortar เพื่อป้องกันน้ำยารั่วซึมออกในระหว่างการฉีดอัดสาร Epoxy ปิดรอยร้าว

3.  ฉีดอัดสาร Epoxy Resin:  ฉีดอัดสาร Epoxy Resin เต็มทั่วรอยแตกร้าว ปล่อย พื้นที่หน้างานทิ้งไว้ให้สารแห้งและแข็งตัวเต็มที่ประมาณ 4 ชั่วโมง

4.  ขัดแต่งผิวให้เรียบ:  เอาหัวแป้นที่ใช้ฉีดออกเสร็จแล้วปิดรูที่แป้น หัวหลังจากนั้นจึงทำการเจียรขัดแต่งผิวให้เรียบ

ข้อดีของการซ่อมรอยแตกร้าวบนพื้นคอนกรีต

พื้นคอนกรีตมีความสวยงาม

พื้นคอนกรีตยึดติดกันหยุดการแตกร้าวเพิ่ม

ป้องกันน้ำซึมผ่านรอยแตกเข้าชั้นดิน

พื้นที่สำหรับซ่อมแซมใช้งาน

พื้นลานจอดรถ

พื้นคอนกรีต

พื้นโรงงาน

พื้นถนนคอนกรีต

พนังคอนกรีต

อุโมงค์คอนกรีต

ทางด่วน

Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “การแบ่งปูนแต่ละประเภทในการใช้งาน”

สาระน่ารู้ : งานก่อสร้าง

เรื่อง : เกร็ดความรู้ การแบ่งปูนแต่ละประเภทในการใช้งาน

7 ประเภท ปูนซีเมนต์ และการใช้งานของแต่ละแบบ

 

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ธรรมดา

หรือที่เรียกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 1 เป็นปูนซีเมนต์ขั้นพื้นฐาน เหมาะกับงานทั่วไป อย่างเช่น งานก่อสร้างบ้าน อาคารทั่วไป งานทำถนน งานสร้างสะพานต่าง

 

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ดัดแปลง

หรือที่เรียกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 2 ใช้สำหรับทำตอม่อ ฐานราก หรือกำแพงกั้นดิน โดยปูนประเภทนี้เหมาะกับการใช้งานที่โดนน้ำเค็มไม่มาก มีคุณสมบัติที่สามารถทนต่อซัลเฟตได้ระดับปานกลาง หรือเป็นปูนที่เหมาะกับการใช้โครงสร้างที่ต้องสัมผัสกับน้ำหรือดิน

 

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดแข็งตัวเร็ว

หรืออีกชื่อที่เรียกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 3 ลักษณะของปูนมีความละเอียดเป็นพิเศษ ทำให้จุดเด่นของปูนชนิดนี้คือแข็งตัวเร็ว และสามารถรับแรงได้เร็วกว่าปูนซีเมนต์ประเภทอื่นๆ ดังนั้นปูนประเภทนี้จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความเร่งด่วน หรือเหมาะกับงานที่ต้องการรื้อถอน ที่เร็วกว่าปกติ เช่น งานก่อสร้างพื้นสำเร็จรูป งานเสาเข็ม เป็นต้น

 

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดเกิดความร้อนต่ำ

หรือที่เรียกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 4 ที่ควบคุมความร้อนที่อาจเกิดขึ้นจากปฏิกริยาระหว่างปูนซีเมนต์กับน้ำ เพราะในขณะที่ปูนกำลังแข็งตัว ไม่มีความร้อนมากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดรอยแตกร้าว ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายระหว่างการทำงาน หรือเกิดปัญหาในอนาคต ดังนั้นปูนประเภทนี้จึงเหมาะกับการก่อสร้างเขื่อน

 

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดต้านทานซัลเฟตได้สูง

หรือปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภท 5 เป็นปูนที่ผ่านการดัดแปลง เหมาะกับงานใช้งานในพื้นที่ที่ต้องสัมผัสดังนั้นปูนประเภทนี้จึงเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่สัมผัสกับน้ำและดิน ซึ่งมีซัลเฟตไม่สูงมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับกรณที่สร้างบ้าน สร้างอาคาร หรือสร้างสิ่งปลูกสร้างใกล้กับทะเลที่มีเกลือจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นตัวทำลายซัลเฟตในเนื้อปูนได้

 

ปูนซีเมนต์ผสม หรือ ปูนซีเมนต์ซิลิก้า

เป็นปูนซีเมนต์ที่เกิดจากการผสมกันระหว่างทรายหรือหินปูนมาบดให้ละเอียด แล้วนำมาผสมกับปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ในอัตราส่วน 1:4 จึงทำให้ปูนซีเมนต์ทำให้เกิดการแข็งตัวช้า ซึ่งเหมาะกับงาน ปูนก่อ ปูนตกแต่ง หรืองานโครงสร้างขนาดเล็กที่ไม่ต้องรับแรงมาก หรือเหมาะกับโครงสร้างทั่วไป

 

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดสีขาว

ปูนซีเมนต์ที่เหมาะกับการใช้ในงานตกแต่ง ซึ่งเนื้อปูนมีลักษณะเป็นสีขาว จึงทำให้ปูนประเภทนี้สามารถผสมเข้ากับสีต่างๆได้ เพื่อใช้ในการตกแต่ง ซึ่งลักษณะของปูนมีความแข็งต้วค่อนข้างช้า

นอกจากประเภทของปูนซีเมนต์ที่มีทั้งหมด 7 ประเภทนั้น เรายังสามารถแบ่งประเภทของปูนตามประเภทหลักการใช้งานได้ 3 ประเภท

ปูนซีเมนต์สำหรับงานโครงสร้าง

งานก่อสร้างบ้านใหม่หรืออาคารทั่วไป : ปูนซีเมนต์ปอร์ตธรรมดา

งานก่อสร้างเร่งด่วน งานซ่อมแซม : ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดแข็งตัวเร็ว

บ้าน หรือ อาคารที่อยู่ใกล้กับทะเล : ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดต้านทานซัลเฟตได้สูง

งานก่อสร้างที่ต้องสัมผัสกับดินและน้ำเช่น ตอม่อ ฐานราก : ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ดัดแปลง

งานโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น เขื่อน : ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ชนิดเกิดความร้อนต่ำ

ปูนซีเมนต์สำหรับงานก่อ งานฉาบ

งานก่อ : ปูนซีเมนต์ผสม งานฉาบ : ปูนซีเมนต์ผสม

ปูนซีเมนต์สำหรับงานพิเศษ

งานตกต่างแต่งต่างๆ : ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์

 

นอกจากปูนซีเมนต์พื้นฐาน 7 ประเภทข้างต้นแล้ว ยังมีปูนอีกประเภทนั้นก็คือ ปูนมอร์ต้า ซึ่งเป็นปูนประเภทที่ผสมสำเร็จ ซึ่งเป็นการผสมระหว่างปูนซีเมนต์ ทราย และน้ำยาผสมคอนกรีตมาผสมให้เข้ากัน วิธีใช้ก็ง่ายเพียงแค่เติมน้ำเข้าไปในอัตราที่กำนหด แค่นี้ปูนสำเร็จก็พร้อมใช้งาน ซึ่งปูนประเภทนี้เหมาะกับการใช้งานก่ออิฐ งานฉาบปูน และงานเทปรับระดับ รวมไปถึงซ่อมแซมพื้นผิวต่างๆ ทั้งนี้ปูนมอร์ต้าจะมีการแบ่งประเภทการใช้งานเอาไว้เรียบร้อย  เช่น งานปูนก่อ ฉาบทั่วไป หรือ ฉาบละเอียด และอื่นๆ

รูปปูนชนิดต่างๆ

        

      

Read More

ความรู้งานก่อสร้าง “กำลังอัดคอนกรีต”

สาระน่ารู้ : งานก่อสร้าง

เรื่อง : เกร็ดความรู้ เรื่องกำลังอัดคอนกรีตคืออะไร

กำลังอัดคอนกรีตคือ แรงที่คอนกรีตสามารถรับแรงกดทับได้ในปริมาตร 1 ลบ.ซม. แล้วจึงจะพังลง เช่นตัวอย่าง คอนกรีตกำลังอัดทรงลูกบาศก์ 180 Ksc หมายถึง คอนกรีตชนิดนี้ต้องใช้น้ำหนักทับลงในแนวดิ่ง 180 กิโลกรัม เพื่อทำให้คอนกรีต 1 ตร.ซม. พังนั่นเอง

Ksc. คืออะไร?

Ksc. ย่อมาจาก Kilogram Per Square Centimeter แปลว่า กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร โดยทั่วไปแล้วจะมีหน่วยการวัดกำลังอัดอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่

  1. กำลังอัดของคอนกรีตรูปทรงกระบอก (Cylinder) มีค่าเป็น กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร (ksc) (อ้างอิงตามมาตรฐานของฝั่งอเมริกา ASTM)
  2. กำลังอัดของคอนกรีตรูปทรงลูกบาศก์ (Cube) มีค่าเป็น กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร (ksc) (อ้างอิงตามมาตรฐานของฝั่งอังกฤษ BS)

ควรใช้คอนกรีตกำลังอัดเท่าไหร่ ?

ทุกท่านทราบกันดีว่าคอนกรีตนั้นมีขนาดของกำลังอัดที่แตกต่างกัน เพื่อที่จะสามารถใช้งานในการก่อสร้างได้อย่างเหมาะสมในงานแต่ละแบบแล้ว การเลือกกำลังอัดที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไปจะทำให้ท่านได้คอนกรีตที่ดีมีคุณภาพในราคาที่ต่ำ โดยกำลังอัดของคอนกรีตโดยทั่วไปจะมีกำลังอัดดังต่อไปนี้

  • LEAN

Lean หรือคอนกรีตหยาบ คือ คอนกรีตที่ค่อนข้างรับน้ำหนักได้ต่ำ ใช้สำหรับงานเทปรับระดับพื้นดินที่ไม่เรียบ รวมถึงช่วยป้องกันการสัมผัสกันโดยตรงระหว่างดินกับคอนกรีตสด โดยเฉพาะโครงสร้างที่อยู่ต่ำกว่าหรือใกล้กับระดับดินและงานหล่อโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ทั้งนี้ การเทคอนกรีตหยาบในบ้านเรานิยมเรียกกันว่า การเทลีน โดยการเทลีนจะเทลงไปบนพื้นดินหนาประมาณ 5-10 เซนติเมตร เพื่อปรับหน้าดินให้เรียบและป้องกันการเปลี่ยนตำแหน่งของเหล็กที่เกิดจากการไหลของหน้าดิน

 

  • คอนกรีตกำลังอัด 180 ksc. คอนกรีตกำลังอัด 180 ksc. หรือคอนกรีตที่สามารถรับแรงกดทับในแนวดิ่งได้ 180 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่รับแรงกดทับมาก เช่นการเทพื้นลานนอกบ้าน ลานจอดรถเก๋ง รถกระบะ ลานโรงเรียนลานอเนกประสงค์

 

  • คอนกรีตกำลังอัด 240 ksc .หรือคอนกรีตที่สามารถรับแรงกดทับในแนวดิ่งได้ 240กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร สามารถกันน้ำได้ในระดับหนึ่งโดยใช้น้ำยากันซึมเข้าช่วย เหมาะสำหรับการใช้งานในอาคารขนาดเล็กที่ได้มาตรฐานสูง และการใช้งานในถนนบางประเภท เช่น งานถนนที่มีการจราจรน้อย ลานจอดรถเก๋ง รถกระบะ ถนนเทศบาล อบต. อบจ. พื้นดาดฟ้า พื้นห้องน้ำ อาคารพาณิชย์ 2-4 ชั้น บ้านชั้นเดียว, บ้าน 2 ชั้น ฐานรากบ้าน

 

  • คอนกรีตกำลังอัด 280 ksc.คอนกรีตกำลังอัด 280 ksc. หรือคอนกรีตที่สามารถรับแรงกดทับในแนวดิ่งได้ 280 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร เหมาะสำหรับการใช้งานในอาคารขนาดกลาง และงานถนนที่ใหญ่ขึ้นตามขนาดของการใช้งาน เช่น โรงแรมอาคารสำนักงาน 2-4 ชั้น อาคารเรียน 4-6 ชั้น อาคารที่พักอาศัย

 

  • ถนนเทศบาล อบต. อบจ.

 

  • คอนกรีตกำลังอัด 320 ksc. คอนกรีตกำลังอัด 320 ksc. หรือคอนกรีตที่สามารถรับแรงกดทับในแนวดิ่งได้ 320 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร เป็นคอนกรีตที่ค่อนข้างแข็งแรง สามารถรับแรงกดทับได้มาก เหมาะสำหรับอาคารสูงที่มีเหล็กมาก และงานถนนสายหลัก เช่น ถนนกรมทางหลวง พื้นโกดังเก็บสินค้า สระว่ายน้ำ พื้นดาดฟ้า อาคารที่พักอาศัย อาคารเรียน 4-6 ชั้น โรงแรมสูง คอนโดมิเนียม 4-8 ชั้น

 

  • คอนกรีตกำลังอัด 380 ksc.คอนกรีตกำลังอัด 380 ksc. หรือคอนกรีตที่สามารถรับแรงกดทับในแนวดิ่งได้ 380 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร เป็นคอนกรีตที่สามารถรองรับงานได้เกือบทุกแบบตั้งแต่งานอาคารขนาดกลางไปจนถึงอาคารสูงที่มีเหล็กหนาแน่นมาก ประเภทของงานที่รองรับ ได้แก่ โรงแรมสูง คอนโดมิเนียม 4-8 ชั้น ศูนย์การค้าต่างๆ ผนังเขื่อน ถนนกรมทางหลวง, สำนักงานทางหลวงชนบท สระว่ายน้ำ

 

  • คอนกรีตกำลังอัด 400 ksc. คอนกรีตกำลังอัด 400 ksc. หรือคอนกรีตที่สามารถรับแรงกดทับในแนวดิ่งได้ 400 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษตามขนาดของการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่ อาคารที่สูงมากกว่า 8 ชั้นไปใช้เทเพื่อการผลิตแผ่นพื้น เสา คานลานบินผนังเขื่อน

 

  • คอนกรีตกำลังอัด 450 ksc. คอนกรีตกำลังอัด 450 ksc. หรือคอนกรีตที่สามารถรับแรงกดทับในแนวดิ่งได้ 450 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษตามขนาดของการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ

 

รูปคอนกรีต

 

       

       

Read More