คู่มือซ่อมบ้านหลังน้ำท่วมฉบับเข้าใจง่ายสำหรับเจ้าของบ้านมือใหม่

พื้นลอก ผนังชื้น กลิ่นอับ และเชื้อรา ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านต้องรับมือทันทีหลังน้ำท่วม ทำให้เราไม่รู้ว่าจะเริ่มเคลียร์ตรงไหนก่อน โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมีเวลา การหาช่างซ่อมบ้านเข้ามาช่วยแก้ปัญหาและซ่อมแซมจึงเป็นอีกทางเลือกที่เหมาะอย่างยิ่ง เพื่อให้ช่างได้ตรวจความเสียหายทุกจุด จะได้ไม่พลาดจุดเล็กๆ ที่เรามองข้ามไป

บทความนี้จะพาคุณรู้ทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การประเมินความเสียหาย การซ่อมในจุดสำคัญ ไปจนถึงข้อควรระวังที่มักมองข้าม พร้อมเทคนิคเลือกช่างซ่อมบ้านหรือทีมรับซ่อมแซมบ้านที่เป็นมืออาชีพให้เข้ามาช่วยดูแลบ้านของคุณหลังเกิดอุทกภัย

ประเมินความเสียหายของบ้านหลังน้ำลด

ก่อนจะลงมือซ่อมบ้านหลังน้ำท่วม สิ่งแรกที่ควรทำเลยก็คือประเมินความเสียหาย เพราะบ้านอาจกำลังมีปัญหาโครงสร้างภายใน การเช็กให้ครบในช่วงนี้จะช่วยให้คุณวางแผนการซ่อมได้ตรงจุด โดยสามารถตรวจสอบเองได้ดังนี้

  • ตรวจสอบโครงสร้างหลัก
    หลังน้ำลด สิ่งแรกที่ควรทำคือเดินสำรวจรอบบ้าน โดยเฉพาะบริเวณเสา คาน ผนังรับน้ำหนัก และพื้น หากเจอรอยร้าว รอยแยก หรือมีส่วนใดทรุดตัวแม้เพียงเล็กน้อยควรหยุดซ่อมทันทีและรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
  • เช็กระบบไฟฟ้า น้ำประปา
    ควรตรวจสอบทั้งสายไฟ เมนไฟฟ้า และบล็อกปลั๊กทุกจุด รวมถึงเช็กแรงดันน้ำ และท่อน้ำทิ้งว่ายังใช้งานได้ปกติหรือไม่ หากคุณยังไม่แน่ใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน การหาช่างซ่อมบ้านที่เชี่ยวชาญงานระบบจะช่วยคลี่ปมตรงนี้ให้ชัดเจนขึ้น ไม่ต้องลองผิดลองถูกเอง
  • เฟอร์นิเจอร์ พื้น ผนัง
    จุดนี้หลายคนมักลังเลเพราะไม่แน่ใจว่าควรเก็บอะไรไว้บ้าง โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ไม้ พื้นลามิเนต หรือผนังยิปซัมที่โดนน้ำไปแล้ว อาจดูเหมือนยังใช้ได้แต่จริงๆ ด้านในเริ่มบวมหรือเกิดเชื้อราสะสม ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว ดังนั้น อะไรที่เปื่อยยุ่ย มีคราบ หรือมีกลิ่นชื้นเรื้อรัง ให้โละทิ้งได้เลย ส่วนของที่ยังซ่อมได้ เช่น พื้นกระเบื้องที่หลุดบางจุดหรือผนังที่แค่สีลอก ก็ยังพอจะรีโนเวทใหม่ได้

ขั้นตอนการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม

หลังประเมินความเสียหายแล้วก็ถึงเวลาลงมือซ่อมแซม ซึ่งต้องมีขั้นตอนที่เป็นระบบเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดได้อีกในอนาคต ยิ่งถ้าคุณจ้างช่างซ่อมบ้านเข้ามาช่วยดูแลจะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายได้เยอะมาก ลองมาดูทีละขั้นตอนเลยว่าอะไรควรทำก่อน-หลัง และจุดไหนควรระวังเป็นพิเศษ

  1. ขั้นตอนที่ 1 : ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ
    หลังน้ำลด พื้น ผนัง และโครงสร้างต่างๆ ยังชื้นอยู่มาก การเร่งซ่อมตอนนี้เท่ากับเปิดทางให้เชื้อราและกลิ่นอับตามมาแบบไม่จบสิ้น ขั้นตอนนี้ควรเริ่มจากการเก็บเศษขยะ ดินโคลน หรือสิ่งสกปรกที่น้ำท่วมทิ้งไว้แล้วใช้สารฆ่าเชื้อโรค เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรต์หรือสารฟอกขาวเจือจาง เช็ดทำความสะอาดทุกพื้นผิว พร้อมเปิดหน้าต่าง เปิดพัดลมให้บ้านแห้งเร็วที่สุด
  2. ขั้นตอนที่ 2 : รื้อของเสีย ซ่อมโครงสร้าง
    เมื่อบ้านแห้งพอสมควรแล้ว ต้องเข้าสู่ขั้นตอนรื้อของเสียออกให้หมด ส่วนที่ควรโละออก เช่น ยิปซัมบอร์ดที่บวม พื้นไม้ที่เริ่มเปื่อย หรือวัสดุที่มีกลิ่นชื้นสะสม หลังจากรื้อแล้วจึงตรวจโครงสร้าง เช่น คาน เสา พื้น ว่ามีรอยร้าว ทรุด หรือแตกร้าวจากแรงน้ำหรือไม่ ถ้าพบปัญหา ควรให้ทีมรับซ่อมแซมบ้านที่มีวิศวกรตรวจสอบ ช่วยวางแผนการซ่อมแบบมืออาชีพ
  3. ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจระบบไฟฟ้าและประปาใหม่
    ระบบไฟฟ้าและน้ำประปาเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากหลังน้ำท่วม เพราะอาจมีความชื้นหลงเหลืออยู่ในสายไฟ ปลั๊ก หรือแม้แต่แผงเบรกเกอร์ การเปิดใช้งานโดยไม่ตรวจสอบอาจเสี่ยงไฟช็อตหรือไฟไหม้ได้ ดังนั้น ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเช็กตั้งแต่เมนไฟ สายไฟในผนัง ไปจนถึงปลั๊กไฟแต่ละจุด เช่นเดียวกับระบบประปาที่ต้องดูว่าท่อมีการอุดตันหรือแตกรั่วจากแรงดันน้ำหรือไม่
  4. ขั้นตอนที่ 4 : ซ่อมแซมผนัง พื้น ฝ้า
    เมื่อโครงสร้างและระบบภายในเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาซ่อมส่วนที่มองเห็น เช่น ผนังที่ลอก พื้นที่บวม หรือฝ้าเพดานที่เป็นคราบน้ำ แนะนำให้ใช้วัสดุที่ทนชื้น ทนเชื้อรา เช่น สีทาบ้านชนิดพิเศษ วัสดุปูพื้นกันน้ำ หรือฝ้าสำเร็จรูปที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับบ้านในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ซึ่งจะช่วยลดปัญหาในอนาคต
  5. ขั้นตอนที่ 5 : รีโนเวทเฟอร์นิเจอร์หรือจัดใหม่ทั้งหลัง
    ขั้นตอนสุดท้ายคือการแต่งบ้านให้กลับมาน่าอยู่ หลายคนอาจเลือกทิ้งเฟอร์นิเจอร์เก่าแล้วซื้อใหม่ทั้งหมด หรือหากบางชิ้นยังซ่อมได้ เช่น โซฟาไม้ โต๊ะเก่า อาจนำไปขัด ทาสี หรือรีไซเคิลในสไตล์ใหม่ก็ได้เช่นกัน

ข้อควรระวังเมื่อซ่อมบ้านหลังน้ำท่วม

แม้จะรู้ขั้นตอนซ่อมแซมบ้านกันมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่เจ้าของบ้านมักเผลอมองข้ามไป ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ และนี่คือ 4 ข้อควรระวังที่ทุกคนควรรู้หากต้องการซ่อมแซมบ้านหลังเกิดอุทกภัย

  • ระวังเชื้อราและกลิ่นอับ
    กลิ่นอับและเชื้อราอาจดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่จริงๆ แล้วมันส่งผลต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้ เชื้อราบางชนิดกระจายสปอร์ในอากาศ ทำให้เกิดอาการแพ้ หายใจติดขัด โดยเฉพาะในบ้านที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ ควรเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแบบไม่กัดกร่อนหรือวัสดุกันชื้นระหว่างซ่อม และหมั่นสังเกตฝ้าหรือผนังในช่วงหลังซ่อมว่าเกิดคราบแปลกๆ หรือไม่ หากไม่มั่นใจ แนะนำให้หาช่างซ่อมบ้านเข้ามาช่วยเช็กให้ละเอียดอีกรอบ
  • หลีกเลี่ยงการซ่อมเองในจุดเสี่ยง
    งานที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้าง ไฟฟ้า หรือท่อน้ำ แนะนำว่าอย่าเสี่ยงลองเองถ้าไม่มีความรู้จริง เพราะอาจเกิดอันตรายหรือซ่อมแล้วพังหนักกว่าเดิมได้ โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าที่เปียกน้ำมาก่อน ต้องใช้เครื่องมือในการตรวจสอบ รวมถึงงานซ่อมพื้นหรือฝ้าที่อยู่เหนือหัว ซึ่งหากยึดไม่ดีอาจร่วงใส่ได้ ถ้าจุดไหนไม่ชัวร์ให้หาช่างซ่อมบ้านที่มีประสบการณ์เข้ามาช่วยจะปลอดภัยกว่า

หาช่างซ่อมบ้านยังไงให้ได้คนที่เป็นมืออาชีพ

การหาช่างซ่อมบ้านที่เป็นมืออาชีพควรดูจากความเข้าใจในปัญหาเฉพาะของบ้านหลังน้ำท่วม เช่น การประเมินโครงสร้างที่เปลี่ยนไป การเลือกวัสดุที่เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้น หรือแม้แต่การวางแผนงานให้จบแบบไม่ลากยาว การพูดคุยกับช่างซ่อมบ้านแล้วเขาสามารถอธิบายได้ตรงประเด็น มีแนวทางที่เป็นขั้นเป็นตอน ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าช่างคนนี้ไว้ใจได้ ที่สำคัญอย่าลืมดูผลงานเก่าๆ หรือถามถึงประสบการณ์ในการทำงานรับซ่อมแซมบ้านโดยตรง เพราะการซ่อมบ้านหลังน้ำท่วมมีรายละเอียดเฉพาะที่ไม่ใช่ช่างทั่วไปจะจัดการได้ทั้งหมด

หากคุณกำลังหาช่างซ่อมบ้านที่เข้าใจปัญหา ไม่ใช่แค่แก้แบบผิวเผิน ลองปรึกษา แพรวพรรณรายคอมเมอร์เชียล ผู้ให้บริการรับซ่อมแซมบ้าน ต่อเติม ปรับปรุง หรือรีโนเวทบ้านครบวงจร ด้วยทีมช่างซ่อมบ้านมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นช่างปูน ช่างหลังคา หรือช่างก่อสร้างเฉพาะทาง พร้อมให้บริการตั้งแต่ซ่อมหลังคารั่ว รับทำรั้ว ปูกระเบื้อง ไปจนถึงงานรับเหมางานก่อสร้างขนาดใหญ่ ทั้งบ้าน อาคาร และสำนักงาน เรารับประกันคุณภาพทุกงาน พร้อมให้คำปรึกษาและประเมินราคาฟรี

งานเล็ก งานใหญ่ ไว้ใจได้ รับประกันคุณภาพทุกโปรเจกต์กับ ทีมช่างซ่อมบ้าน
ติดต่อ บริษัท แพรวพรรณราย คอมเมอร์เชียล จำกัด
โทรศัพท์ : 089-794-7252
โทรศัพท์ : 086-307-1065
โทรศัพท์ : 083-428-1117
Email: pprcon@gmail.com
Facebook: https://www.facebook.com/profile.php?id=61557637620700
Line ID : 0834281117